ความเคลื่อนไหวในไทยแลนด์ ยุค 4.00

ความเคลื่อนไหวในไทยแลนด์ ยุค 4.00

สโลว์ไลฟ์ริมชายหาด อัศจรรย์ป่าชายเลน เดินเล่นสวนไม้หอม

ความเร่งรีบกดดันในแต่ละวัน อาจทำให้คนเราสะสมความเครียดไว้โดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีคือการได้หยุดพักผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ พาตัวเองออกไปพบเจอกับมุมมองที่โล่ง โปร่ง สบายตา พร้อมเติมเต็มแรงบันดาลใจจากผู้คนรอบข้าง อย่างที่จังหวัดระยอง แม้จะเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ก็มีมุมสโลว์ไลฟ์ให้เลือกชิลอยู่หลายจุด ภายใต้บรรยากาศของท้องทะเลชายฝั่ง ที่ยังคงความเงียบสงบ

โครงการ “Refresh life ...by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนออกเดินทางไปผ่อนคลายในมุมที่น่าชื่นตาชื่นใจ ในจังหวัดระยอง ขับรถออกจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร ก็จะได้พักสายตาไปกับชายหาดที่ทอดยาว ไล่เรียงตั้งแต่หาดแหลมเจริญ หาดแสงจันทร์ ไปถึงหาดสุชาดา โดดเด่นด้วยโค้งเว้าของแนวกำแพงหินที่สร้างไว้เพื่อป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่ง และทำให้การลงเล่นน้ำเป็นไปอย่างปลอดภัย เรียงรายด้วยที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน ผสมผสานเรื่องราวของวิถีชาวประมงชายฝั่ง ที่ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย

บริเวณชายหาด Coffee Truck เพียงแรกพบก็ตกหลุมรัก การได้นั่งเฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องคิดกังวลใด ๆ กลายเป็นเทรนด์ฮิตบนชายหาดแหลมเจริญ บรรดา Food Truck และ Coffee Truck พร้อมบูทจำหน่ายสินค้าและอาหารแบบดั้งเดิม เรียงรายไปตลอดทาง แต่ก็ทิ้งระยะห่างเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ทุกคนได้สัมผัส

ที่โดดเด่นมากในตอนนี้คือบรรดา Coffee Truck คาเฟ่เคลื่อนที่สไตล์มินิมอล ให้บริการกาแฟและเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ มาพร้อมสไตล์ของตัวเอง เป็นสีสันใหม่ของการนั่งเล่นริมชายหาด นอกจากเมนูเด็ดของแต่ละร้านแล้ว การเลือกเก้าอี้ชายหาดเก๋ ๆ มาให้บริการฟรีสำหรับลูกค้า เป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและชาวระยอง  เข้ามานั่งเล่นกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ต่างก็นั่งหันหน้าทิ้งสายตาไปกับทะเลกว้าง นับเป็นบรรยากาศการพักผ่อนที่ดีต่อใจสุด ๆ

วิถีชาวเล กลุ่มประมงพื้นบ้านตำบลปากน้ำ บริเวณชายหาดแหลมเจริญ เป็นที่ตั้งของชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่ง ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นคือเรื่องราวชีวิตชาวประมงที่ยังคงสืบสานวิถีชีวิตของชาวบ้านชายทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน คนเฒ่าคนแก่ไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดง ยังทำประมงพื้นบ้านแบบดั้งเดิม และเต็มไปด้วยเสน่ห์เรียบง่าย อบอุ่นใจเมื่อได้พบเจอ
“ส้ม-กุสุมา ชูทอง ทรัพย์ประเสริฐ” สมาชิกวิสาหกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ต.ปากน้ำระยอง เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านบริเวณนี้เป็นประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่ผูกพันกับทะเลมานาน ในทุกวันสามีของเธอจะออกไปวางอวนทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงบ่าย วันรุ่งขึ้นก็จะออกไปเก็บอวนกันตั้งเช้ามืด จากนั้นเธอและลูก ๆ ก็นำมาคัดเลือกด้วยความระมัดระวัง เพราะสิ่งที่ติดอวนมาจะค่อนข้างพัลวัน หากเส้นอวนขาดก็ต้องเสียเวลาซ่อม จึงต้องใช้เวลานาน สมาชิกในบ้านก็ต้องมาช่วยกันทั้งหมด

ผลผลิตที่ได้ก็คละ ๆ กันไป ทั้งปูดำ ปูม้า ปูแป้น หอย ปลา รวมทั้งขยะที่ติดมากับอวน จึงต้องใช้เวลาทำความสะอาดเป็นอย่างดี ก่อนจะนำไปวางในทะเลอีกครั้ง เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน  สนใจมาชมแนะนำว่าให้มาประมาณแปดโมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่มีผลผลิตมาก หากต้องการซื้อก็สามารถติดต่อได้ทันที บางเจ้าก็นำไปส่งให้ร้านอาหาร บ้างก็ส่งตลาดในระยอง บางส่วนก็วางขายกันหน้าหาด ในราคาแบบชาวบ้าน และรับประกันความสด นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น เช่น ปลาเค็ม ปลาแห้ง หมึกแดดเดียว ฯลฯ วางจำหน่ายริมสองข้างทางบริเวณหน้าหาด

ล่องเพลิน เดินชิล ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ระยองเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ที่จับต้องได้ไม่ยาก จากเอกลักษณ์ของตัวเมืองที่ติดทะเล โดดเด่นด้วยทรัพยากรอันสมบูรณ์  ชื่นตาชื่นใจจากความอลังการของผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ขนาด 500 ไร่ ครอบคลุม ต.ปากน้ำ และ ต.เนินพระ เป็นผืนป่าที่อยู่คู่เมืองระยองมาอย่างยาวนาน ประกอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เช่น ต้นแสม โกงกาง เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำหลากชนิด จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญคือสวยงามมาก

ความอลังการของผืนป่ากว้างที่มองได้จากมุมสูง นอกจากการขึ้นหอชมวิวแล้ว สามารถเลือกที่พักริมชายหาดที่มองเห็นผืนป่าได้อย่างอลังการ เช่น หาดแสงจันทร์ อันเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและที่พักสวยหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” ระเบียงของทุกห้องจะมองเห็นความอัศจรรย์ของสองฝั่ง ทั้งฝั่งชายทะเล และฝั่งของคลองที่ลัดเลาะเลียบแนวป่าชายเลน เป็นภาพประทับใจ ท่ามกลางการเข้าพักที่แสนสะดวกสบาย

นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือหรือเดินเล่นบนสะพานเลียบป่าชายเลนระยะทางยาวกว่า 7 กิโลเมตร เพื่อชื่นชมความงดงามของ “ป่าในเมือง” หรือทีเรียกกันว่า “ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ” ด้วยความโดดเด่นของเจดีย์ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ  ล้อมด้วยป่าชายเลนท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์  สร้างขึ้นตั้งแต่งปี พ.ศ. 2416 เพื่อแสดงให้ผู้ที่เดินเรือรู้ว่ามาถึงระยองแล้ว สามารถเดิน ล่องเรือ หรือขับรถเข้าไปชมได้อย่างสะดวก

กรุ่นกลิ่นกฤษณา กับช่วงเวลาแสนผ่อนคลาย เพราะกลิ่นเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความผ่อนคลาย ในเส้นทางเที่ยวระยองครั้งนี้ จึงขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สอดแทรกความรู้เรื่องไม้กฤษณา พร้อมช่วงเวลาอันน่าประทับใจ ในพื้นที่ของ “มีสุข ฟาร์ม” (Mesook Farm)ต.กะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 

“พิกุล กิตติพล” ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา เล่าว่า ในพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกป่าเบญจพรรณ เช่น ไม้สักยางนา มะค่าโมง มะค่าแต้ รวมทั้งประดู่ กระถินณรงค์ และต้นไผ่กว่า 180  ชนิด นับเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกไม้กฤษณาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์  ปัจจุบันมีการส่งออกไม้ น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากกฤษณา ไปกว่า 10 ประเทศ มาแล้วต้องแวะร้านจำหน่ายสินค้า “บ้านมีสุข” มีผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณากว่า 40 ชนิด 

 “มีสุข ฟาร์ม” ยังนำเสนอความสุขของการเข้าพักในสวนป่าที่รายล้อมบึงน้ำขนาดใหญ่  มีบริการทั้งที่พัก และร้านอาหาร “คาเฟ่ มีสุข” ให้บริการอาหารท้องถิ่นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลเชฟชุมชน  พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิด พร้อมเมนูซิกเนเจอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาที่ให้ความหอมและผ่อนคลาย อิ่มแล้วก็ไปพบกับฐานการเรียนรู้แนวแอดเวนเจอรอีก 14 ฐาน หรือจะออกไปพายเรือ เดินชมน้องควาย น้องแพะ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับคนทุกวัย

ออกไปผ่อนคลายในบรรยากาศอันน่าชื่นใจที่จังหวัดระยอง กับโครงการ “Refresh life ...by the way ไปเที่ยวใหม่ ให้ใจฉ่ำ” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชวนท่องเที่ยวเมืองไทย ไปซบไหล่ธรรมชาติ รับพลังอันแสนบริสุทธิ์  พร้อมสนับสนุนแง่มุมดี ๆ ให้กับชุมชน ถือเป็นเส้นทางแห่งความสุขและการส่งต่อแรงบันดาลใจ เติมพลังจิตพลังใจก่อนที่จะกลับมาต่อสู่กับงานอีกครั้ง

  • ขอขอบคุณ
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น

รูปภาพธีมโดย graphixel. ขับเคลื่อนโดย Blogger.